รีวิวหนัง

ทอม ครูซ ได้กลับมาปัดฝุ่นความเก่งของตัวเองอีกครั้ง

แม้ว่าจะค่อนข้างเสี่ยง ด้วยการเลือกความคลาสสิกที่เป็นต้นกำเนิดของ “ทอม ครูซ” กลับมาอีกครั้งเพื่อปัดฝุ่นเรื่องราวสำหรับภาคต่อที่อยู่ห่างออกไปกว่าสามทศวรรษ เราไม่รู้และคุ้นเคยกับเรื่องราวของภาพยนตร์ต้นฉบับ แต่การมาของ “Top Gun: Maverick” ครั้งนี้สามารถพิสูจน์ได้ว่า…พวกเขามีบางอย่าง และมีจุดแข็งที่แข็งแกร่งจริงๆ ที่จะสามารถซื้อใจและกวาดใจแฟนหนังหน้าใหม่ได้ Top Gun: Maverick เป็นเรื่องราวมากกว่า 30 ปีต่อมา

หลังจากทำหน้าที่เป็นนักบินระดับสูงของกองทัพเรือของ Pete “Maverick” Mitchell เขากลับมาที่เดิม เขากลับมาในฐานะนักบินทดสอบผู้กล้าหาญและรอดพ้นจากความก้าวหน้าในอาชีพการงาน โดยเจ้าตัวนั้นได้เข้ามาฝึก Top Gun เพื่อเตรียมความพร้อมกับภารกิจพิเศษในแบบที่นักบินที่ยังมีชีวิตอยู่ไม่เคยเห็นมาก่อน ผู้ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดต้องเผชิญหน้ากับร้อยโทแบรดลีย์ แบรดชอว์

หรือที่รู้จักในนามรูสเตอร์ ลูกชายของเพื่อนโทนิค แบรดชอว์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ กูส เขาต้องเผชิญกับอนาคตที่ไม่แน่นอนและอดีตที่หลอกหลอน Maverick เผชิญกับความกลัวที่ฝังลึก และทำภารกิจให้สำเร็จ ซึ่งภารกิจนี้ผู้ที่ได้รับเลือกให้บินต้องเสียสละมากที่สุด นี่เป็นผลงานของผู้กำกับโจเซฟ โคซินสกี้ ซึ่งเคยร่วมงานกับทอม ครูซในเรื่อง Oblivion และชัดเจนว่าเขาจะเป็นตัวเลือกที่โดดเด่นของทอม

ที่จะสามารถถ่ายทอดตำนานของยอดนักบินได้อีกครั้ง โดยสานต่อผลงานของผู้กำกับ “โทนี่ สก็อตต์” ที่สร้างสรรค์ขึ้น จากนั้นโจเซฟก็สามารถทำสิ่งที่น่าประทับใจได้ เป็นผลงานชิ้นเอกอีกชิ้นหนึ่งของเขา เต็มไปด้วยเทคนิคและลูกเล่นที่น่าทึ่ง มีรายละเอียดมากมายให้ติดตาม และเก็บมาแทบทุกเมล็ดแน่นอน สิ่งที่โดดเด่นจริงๆ ใน ​​Top Gun: Maverick คืองานสร้าง แบบที่เราต้องยกนิ้วให้

และให้คะแนนเต็มโดยปริยาย เพราะทุกนาทีของหนังเรื่องนี้สามารถสัมผัสได้ถึงความละเอียดของแต่ละฉาก ไม่ว่าจะเป็นสัดส่วนของฉากแอคชั่น การ แสดงผาดโผนแบบต่างๆ ที่ถ่ายทอดทุกอณูออกมาได้อย่างน่าทึ่งและตระการตา เป็นประสบการณ์การชมภาพยนตร์อีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งเน้นว่าคนดูควรดูบนจอใหญ่ในโรงจริงๆ

อ่านเพิ่มเติม เว็บรีวิวหนัง